Last updated: 13 พ.ค. 2566 | 77112 จำนวนผู้เข้าชม |
8 จุดสำคัญที่ต้องไหว้ เมื่อไปวัดสระเกศ (ภูเขาทอง)
เดิมเรียกชื่อว่าวัดสะแก เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา ในสมัยก่อนนั้นช่วงรัชกาลที่ 2 ปีพ.ศ. 2363 วัดแห่งนี้ได้มีโรคห่าระบาดอย่างหนัก ส่งผลให้ชาวบ้านในแถวนี้ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จนมีแร้งนับพันเข้ามากัดกินซากศพมากมาย จนเห็นกระดูกขาวโพลน เนื่องจากฝังและเผาไม่ทัน จนกลายเป็นคำพูดติดปากของคำว่า แร้งวัดสระเกศ ที่ต่างกล่าวขานถึงความน่าเศร้าในสมัยนั้น
ปัจจุบันนี้วัดสะแก ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือคนทั่วไปเรียกกันว่า วัดภูเขาทอง วัดแห่งนี้ได้กลายเป็นวัดที่ผู้คนต่างกันมากราบไหว้กันอย่างไม่ขาด ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูปหลายองค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ซึ่งฟูเคยได้ยินความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปที่นี่จากพระอาจารย์ที่ฟูเคารพนับถือ พระอาจารย์เคยบอกว่า พระพุทธรูปของวัดแห่งนี้นับว่าศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดเท่าที่พระอาจารย์เจอมา เมื่อฟูมาวัดภูเขาทองจะพาไปแนะนำว่าจุดไหนบ้างที่ควรต้องไปไหว้เมื่อวัดแห่งนี้
พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร
พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร ประดิษฐานในพระวิหาร มีอายุกว่า 700 ปี โดยเป็นพระพุทธรูปยืนศิลปะสมัยสุโขทัยตอนต้น โดยมีความสูงถึง 10.75 เมตร
ซึ่งได้รับการอัญเชิญมาจากวัดวิหารทอง จ.พิษณุโลก ในสมัยรัชกาลที่ 3 ด้วยความเก่าแก่ของพระอัฏฐารส ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจึงมีเปี่ยมล้นด้วยบารมีผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัย ทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแห่ผู้มากราบไหว้ โดยพระอัฏฐารส จะอยู่ในพระวิหารบริเวณลานจอดรถของวัดภูเขาทองแห่งนี้ และนับว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดจากคำบอกเล่าของพระอาจารย์ ในช่วงนั้นพระอาจารย์ประสบปัญหาก็ได้มานั่งสมาธิหลายที่หลายแห่ง รวมถึงในพระอุโบสถแห่งนี้จนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากพระพุทธรูปได้ปรากฎให้เห็น และปัญหาก็เริ่มคลี่คลายลง
หลวงพ่อพระประธาน
หลวงพ่อพระประธาน ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณพระอัฏฐารส ในพระวิหาร หลวงพ่อพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ได้ถูกบูรณะใหม่พร้อมกับการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ในสมัยรัชกาลที่1
หลวงพ่อพระประธานนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลวงพ่อพระประธานนั้นท่านเด่นด้านเมตตาบารมี หากใครมากราบไหว้หลวงพ่อพระประธาน ก็ควรที่จะนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เนื่องจากพระอุโบสถแห่งนี้มีความเงียบสงบ รวมถึงการนั่งสมาธิในพระอุโบสถแห่งนี้จะทำให้เกิดปัญญา สติ ให้เราหาทางออกของปัญหาที่เราเผชิญได้ สามารถเล่าปัญหาที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ให้ท่านฟัง แล้วขอบารมีจากท่านให้เกิดสติและปัญญา
นอกจากนี้ ยังมึภาพจิตรกรรมฝาฝนังที่บอกเล่าเตือนสติให้รู้จักผิดชอบชั่วดี อย่างเช่น ภาพจิตรกรรมพญานาคแผ่พังพานที่คุ้มครองคนดี ปราบคนชั่ว ให้คนระลึกถึงการทำความดีละเว้นความชั่ว
รวมถึงภาพจิตรกรรมพระอรหันต์
หลวงพ่อดำ
เมื่อเดินเลี้ยวซ้ายเข้ามาในวัด เดินเลยทางขึ้นไปยังภูเขาทอง จะเห็นวิหารหลวงพ่อดำ โดยหลวงพ่อดำเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หากใครมากราบไหว้ก็ล้วนแก่สิริมงคลแก่ตนเองเช่นกัน
หลวงพ่อดวงดี
ถัดจากหลวงพ่อดำ ไม่ไกลนะจะเห็นศาลาสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศทางซ้ายมือ เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อดวงดี” หรือมีชื่อว่า “พระพุทธมงคลบรมบรรพต” พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หรือปางตรัสรู้ เป็นศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยหลวงพ่อดวงดีหล่อขึ้นจากแผ่นดวงมหาโภคทรัพย์ที่บรรจุบนภูเขาทอง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดวงดีจะนำไปสู่ความดวงดีให้กับผู้ที่มากราบไหว้ท่าน โดยมีผู้คนที่มากราบไหว้ท่านแล้วต่างประสบแก่ความสิริมงคลให้กับดวงชะตาหลายต่อหลายคนนัก หากใครมานั่งสมาธิในสถานที่แห่งนี้มีความเชื่อกันว่าท่านจะช่วยปรับดวงชะตาให้ดวงดีขึ้นเช่นกัน
พระบรมสาริกธาตุ
เมื่อเดินขึ้นไปยังภูเขาทองเพื่อกราบไหว้พระบรมสาริกธาตุ
ระหว่างทางเดินขึ้นก็ผ่านพระพุทธรูปหลายองค์
ระหว่างทางก็จะมีร้านกาแฟด้วยค่ะ
ตีระฆังกันก่อนะคะ
การก่อสร้างพระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง ใช้เวลาถึง 2 รัชกาล ซึ่งสร้างเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 5 บนยอดเจดีย์จะบรรจุพระธาตุ ที่ได้รับจากรัฐบาลอินเดียที่ถวาบให้แก่ รัชกาลที่ 5
บนภูเขาทองจะมีสะดือเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมืองและมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
หากใครยังไม่พอเจอต่อความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางชีวิต การงาน ความรัก ก็สามารถมาขอความมั่นคงได้ รวมถึงใครต้องการขายทีดิน บ้าน คอนโด ก็มาขอพรให้ขายได้เช่นกันโดยต้องนำสำเนาโฉลกที่ดินมาด้วย
เจ้าเกณฑ์ชะตา 4 องค์
รอบ 4 ทิศของภูเขาทอง จะมีเจ้าเกณฑ์ชะตา 4 องค์ ซึ่งสามารถมากราบไหว้ขอพรจากเจ้าเกณฑ์ชะตาที่ดูดวงประจำแต่ละปีนักษัตร เพราะเจ้าเกณ์ชะตาจะรู้ความเป็นไปของชะตาของชีวิตมนุษย์ สามารถมาเล่าปัญหาที่พบเจอและขอพรจากท่านได้
พระธาตุตรงกลางเป็น ปีวอก
ท้าวกะทะรส หากเดินขึ้นมาจากทางเดินขึ้นสู่สวรรค์ จะเห็นท้าวกะทะรสองค์แรก ซึ่งเป็นเจ้าเกณฑ์ชะตาของคนเกิดปีชวด ฉลู ขาล โดยสามารถไหว้ด้วยผลไม้ แอปเปิ้ล ส้ม กล้วย
ท้าววิรุฬหก เจ้าเกณฑ์ชะตาของคนเกิดปีปีเถาะ มะโรง มะเส็ง สามารถไหว้ด้วยทองหยิบ ทองหยอด และเป็นเจ้าเกณฑ์ชะตาด้านโรคภัยไข้เจ็บ
ท้าววิรูปักษ์ เจ้าเกณฑ์ชะตาของคนเกิดปีมะเมีย ปีมะแม สามารถไหว้ด้วยของเส้น เช่น ผัดหมี่ ขนมไทยที่เป็นเส้น เช่น ฝอยทอง จึงขอด้านการงานได้
ท้าวเวสสุวรรณ เจ้าเกณฑ์ชะตาของคนเกิดปีระกา จอ กุน ไหว้ด้วยของที่เป็นชิ้นเดียว เช่น หมู ไก่ ซาลาเปา ส่วนใหญ่คนเกิดปีนี้จะมีปัญหาเรื่องเงิน จึงขอโชคลาภและความสำเร็จได้
หลวงพ่อโต
เมื่อเราเดินลงจากภูเขาทอง ก็จะเห็นทางลงเพื่อไปไหว้หลวงพ่อโต
ก่อนที่จะถึงหลวงพ่อโต ก็ต้องผ่านรูปปั้นแร้งวัดสระเกศกันก่อน
หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปหล่อ ปิดทอง โดยมีหน้าตักกว้าง 7 ศอก 1 คืบ ส่วนสูง 10 ศอก ที่ความงดงามยิ่งนัก สามารถไหว้ด้วยดอกบัวและเชิงเทียนเพื่อให้ส่องสว่างด้านหน้าที่การงาน และทองหยิบทองหยอด ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตนั้นจะสามารถทำใหเกิดสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว และความมั่นคงด้านอาชีพการงาน ที่เติบโตอย่างเช่นชื่อหลวงพ่อโต
หลวงพ่อโชดดี
มีชื่อเต็มว่า “พระพุทธมงคลสุวรรณบรรพต” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือปางชนะมาร ขนาด 39 นิ้ว พระเกศมีลักษณะเปลวเพลิงหล่อด้วยเงิน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านหลังจะมีจิตรกรรมต้นดอกมณฑาทิพย์ ประตูมณฑาทิพย์โปรยฟ้า ประตูพฤกษาภิรมย์ และพญานาค 4 ตระกูล ด้วยความศักดิ์สิทธิของหลวงพอ่โชคดีจึงนับมาสู่ความโชคดีแก่ชีวิตของผู้ที่มากราบไหว้
สุดท้าย ฟูจะพาไปชมและกราบไหว้อีกหนึ่งสถานที่ นั่นคือ พระพุทธรูปแห่งบามิยัน (Bhuddhas of Bamiyan)
และพระคัมภีร์พุทธเก่าแก่ที่สุด
สุดท้ายนี้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของวัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทอง จึงมีคนมากมายนิยมเดินทางมาราบไหว้วัดภูเขาทองจนล้นหลาม นอกจากความศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อของวัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทอง แห่งนี้แล้วยังมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามจากด้านบนภูเขาทอง ทำให้เหมือนกับมาเที่ยวท่องวัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทองแห่งนี้ไปด้วยค่ะ
การเดินทาง : ขับเข้าสู่ถนนมหาไชย แล้วเข้าสู่ถนนบริพัตร จากนั้นเข้าซอยบรมบรรพต หรือสามารถนั่งรถเมล์สาย 49 มาลงป้ายรถเมล์คลองถม รถเมล์สาย 15, 47, 8, ปอ8, 37 มาลงป้ายรถเมล์วัดสะเกศ
เวลาเปิด-ปิด : 7.30 น.-19.00 น.