Last updated: 11 มิ.ย. 2563 | 5444 จำนวนผู้เข้าชม |
อันดับ 1 โคลอสเซียม (Colosseum)
ในสมัยก่อนนั้นใช้โคลอสเซียมในการต่อสู้เพื่อความบันเทิง เป็นสถานที่ต่อสู้ของแกลดิเอเตอร์และสัตว์ดุร้ายเพื่อให้ความบังเทิงแก่ชาวโรมัน มีการออกแบบการก่อสร้างในลักษณะรูปวงรี นับว่าเป็นอัฒจันทร์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กรุงโรมเคยมีมา สามารถบรรจุคนได้ถึง 5 หมื่นคน ซึ่งคำว่าโคลอสเซียมนั้น มาจาก “Colossus of Nero” เป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สร้างโดยจักรพรรดิเนโรและอยู่ใจกลางกรุงโรม ซึ่งสามารถเข้าชมได้ช่วงเช้าเวลา 8.30 น. จนถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน 1 ชั่วโมง สำหรับโคลอสเซียมก็สามารถชมบริเวณรอบ ๆ ในช่วงกลางคืนได้เหมือนกันค่ะ ซึ่งจะเห็นความสวยงามอีกแบบ
การเดินทาง : เดินด้วยเท้า หรือ รถไฟใต้ดิน Line B สถานี Colosseo หรือรถบัส สาย 175,81,75,204,673
อันดับ 2 มหาวิหาร Pantheon
มหาวิหารแพนธีออน ตั้งอยู่ในเขตแพนธีออน บริเวณจัตุรัสเปียซซาเดลลาโรทอนดา (Piazza della Rotonda) ซึ่งเป็นวิหารสวยงามตระการตาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายเคยเป็นสถานที่บูชาเหล่าเทพเจ้าของชาวโรมันมาหลายร้อยปีจนเมื่อถึงปี ค.ศ.608 เปลี่ยนมาเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ชื่อว่า Basilica di Santa Maria ad Martyes ซึ่งผู้ก่อสร้างวิหารแพนธีออนคนแรกเมื่อ 27 ปีก่อนคริสตกาลคือ Marcus Agrippa เป็นบุตรเขตของจักรพรรดิออกัสตัส จากนั้นวิหารก็ถูกไฟไหม้ แล้วได้รับการบูรณะให้เสร็จสมบูรณ์ในสมัยจักรพรรดิเฮเดรียน ซึ่งในมหาวิหารแพนธีออนนั้น หากใครมาอธิษฐานขอพรก็จะสมหวังสมปรารถนาหลายต่อหลายคน และเป็นอีกหนึ่งสถานที่เข้าชมฟรี สามารถนั่งรถบัสสาย 60,64,40,116 แล้วเดินต่อมาที่จัตุรัส Piazza della Rotonda
อันดับ 3 อนุสาวรีย์ Victor Emmanuel II Monument
อาคารแห่งนี้มีความงดงามและอลังการยิ่งใหญ่ เป็นอาคารหินอ่อนสีขาวอยู่ฝั่งตรงข้ามของจัตุรัส Piazza Venezia ซึ่งได้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของประเทศอิตาลีคือ พระเจ้าวิกเตอร์เอมมานูแอลที่ 2(Victor Emmanuel II of Savoy) หรือชื่อย่อ II Vittoriano อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดย Giuseppe Sacconi ในปี 1885-1911 และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1925 นอกจากนี้ด้านหน้าในตัวอาคารนั้นมีอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าของพระเจ้าวิกเตอร์ เอมานูเอลที่ 2 ผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งประเทศอิตาลี ในสถานที่สามารถเข้าชมในตัวอาคารและระเบียงได้ฟรี แต่หากขึ้นลิฟแก้วจะเสียค่าชม
อันดับ 4 น้ำพุเทรวี่ Trevi Fountain
น้ำพุแห่งนี้อยู่ในเขตน้ำพุเทรวี่ ซึ่งเป็นน้ำพุที่สวยงามและเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรม น้ำพุแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่หนาแน่นอยู่เสมอ โดยจุดเด่นของน้ำพุคือรูปสลักของเทพเจ้าเนปจูนผู้เป็นเจ้าแห่งทะเล นอกจากนี้ยังมีเทพไทรทันสององค์ขี่ม้าทะเลขนาบข้าง โดยเทพไทรทันองค์หนึ่งซึ่งอยู่บริเวณด้านซ้ายจะทำหน้าที่ควบคุมม้าที่ดุร้าย ส่วนเทพไทรทันบริเวณด้านขวาจะควบคุมม้าทะเลที่สงบนิ่ง นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวนิยมมาโยนเหรียญข้ามไหล่ของตนเองเพื่ออธิษฐานให้กลับมากรุงโรมอีกครั้ง
อันดับ 5 บันไดสเปน (Spanish Steps)
บันไดสเปน จะตั้งอยู่เขตบันไดสเปน ซึ่งอยู่บริเวณในจัตุรัส Piazza di Spagna เป็นสถานที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นและเป็นจุดนัดพบของชาวอิตาลี บันไดสเปนจะเป็นบันไดที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโรม โดยมี 137 ขั้น และรอบไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ผู้ที่คิดการสร้างบันไดสเปนนี้คือเจ้าของโบสถ์ชาวฝรั่งเศส และได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี Francesco de Sanctis แต่อย่างไรก็ตามบันได้สเปนได้รับการตั้งชื่อตามสถานทูตของชาวสเปน ซึ่งบริเวณรอบ ๆ บันไดสเปนนี้เชื่อมต่อไปยังถนนสายช้อปปิ้ง Via dei Condotti โดยถนนสายนี้มีร้านแบรนด์เนมมากมาย และเป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกแห่งหนึ่งในกรุงโรม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าที่ได้รับการออกแบบจากดีไซเนอร์ชื่อดังของโลก การเดินทางมาบริเวณนี้สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย A มายังสถานี Spagna
อันดับ 6 ปราสาท Castel Sant’Angelo
ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่เขตปราสาท Castel Sant’Angelo ซึ่งเป็นเขตฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ ซึ่งปราสาทแห่งนี้ลักษณะจะคล้ายป้อมปราการล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน สร้างขึ้นครั้งแรกเพื่อเป็นสุสานของจักรพรรดิเฮเดรียนในปี ค.ศ. 139 โดยชื่อปราสาทนี้จะมีความหมายว่า “ปราสาทแห่งทูตสวรรค์” เนื่องจากว่าเคยเกิดโรคระบาดอย่างหนัก ระหว่างที่พระสันตะปาปากำลังข้ามสะพานที่ด้านหน้าสุสานจักรพรรดิเฮเดรียนก็ได้เห็นนิมิตเป็นฑูตสวรรค์ไมเคิลถือดาบอยู่เหนือป้อมปราการ เมื่อโรคระบาดสิ้นสุดลงผู้คนจึงเรียกปราสาทแห่งว่าฑูตสวรรค์ ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นสุสาน เรือนจำ และกำแพงเมือง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน Line A สถานี Ottaviano หรือ Lepanto หรือรถบัสสาย 34,40
อันดับ 7 สะพาน Ponte Sant’Angelo
สะพานแห่งนี้จะเป็นสะพานที่ตกแต่งไปด้วยรูปปั้นของเหล่าเทวดาที่ออกแบบโดยแบร์นีนี่ ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยของจักรพรรดิเฮเดรียนเพื่อข้ามแม่น้ำไปยังสุสานประจำพระองค์ ต่อมาได้มีใช้สะพานนี้ข้ามแม่น้ำไทเบอร์เพื่อสักการะที่โบสถ์เซ็นต์ปีเตอร์ที่กรุงวาติกัน
อันดับ 8 โบสถ์คู่แฝด Santa Maria dei Miracoli และ Santa Maria in Montesanto
โบสถ์คู่นี้จะอยู่เขตจัตุรัส Piazza del Popolo ผู้ที่ออกแบบโบสถ์ทั้งสองนี้คือ Carlo Rainaldi เป็นศิลปินร่วมสมัยกับแบร์นีนี่และเบอร์รอมินี่ โดยโบสถ์ Santa Maria in Montesanto อยู่ด้านซ้ายมือโดยออกแบบโดมโบสถ์เป็นรูปวงรีเพื่อให้เข้ากับสภาพพื้นที่ ส่วนโบสถ์ Santa Maria dei Miracoli จะอยู่ฝั่งขวาโดยออกแบบโดมโบสถ์เป็นรูปทรงกลมแปดเหลี่ยม ซึ่งสามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Line A สถานี Flaminio หรือรถบัสสาย 119,117,495,490,628,926 และสามารถเข้าชมฟรี
อันดับ 9 น้ำพุสี่ทิศ Le Quattro Fontane
น้ำพุสี่ทิศตั้งอยู่ในเขตจัตุรัส Piazza Barberini โดยน้ำพุสี่ทิศอยู่ที่มุมของอาคาระทั้งสี่บนจุดตัดระหว่างถนน Via della Quattro Fontane กับถนน Via del Quirinale โดยมีน้ำพุไทเบอร์ (Tiber) เป็นรูปปั้นเทพเจ้ากับหมาป่า เป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรม น้ำพุอาร์โน (Amo) เป็นรูปปั้นเทพเจ้ากับสิงโต เป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟลอเร้นซ์ น้ำพุจูโน (Juno) เป็นรูปปั้นเทพีจูโนกับนกยูงและหัวสิงโต และน้ำพุไดอาน่า (Diana) เป็นรูปปั้นเทพีไดอะน่ากับสุนัขล่าสัตว์ การเดินทางสามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย A สถานี Barberini
อันดับ 10 โบสถ์ Santa Maria della Vittoria
ตั้งอยู่เขต Piazza della Repubblica โบสถ์แห่งนี้มีความงดงามและมีชื่อเสียงดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยผลงานศิลปะชิ้นเอกของแบร์นีชื่อว่า The Ecstasy of St. Teresa ทำให้โบสถ์แห่งนี้มีชื่อเสียง การเดินทางสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน Line A สถานี Barberini หรือรถไฟใต้ดิน Line A สถานี Repubblica หรือรถบัสสาย 60,61,910,492,62,84 และสามารถเข้าชมความงดงามได้ฟรี
เที่ยวสวิส-อิตาลี 11 วันด้วยตัวเองกับงบประมาณ 5 หมื่น คลิกอ่าน
28 พ.ย. 2565
23 มิ.ย. 2563